ข่าวไทย

วันนี้ สยามนิวส์ มีเรื่องราวที่น่าสนใจ มาเล่าสู่กันฟังด้วยคะ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น ที่ให้บริการลูกค้า ซึ่งในวันๆหนึ่งพนักงานเซเว่น จะต้องเจอกับลูกค้าแบบร้อยพ่อพันแม่กันเลยทีเดียว แต่


สังเกตไหมล่ะคะว่าพนักงานเซเว่นพวกนี้ เขาก็จะยิ้มรับและให้บริการอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะเจอกับลูกค้าจุกจิกแค่ไหนก็ตาม คงจะสงสัยกันใช่ไหมว่ารู้ได้อย่างไรถึงความรู้สึกพวกนี้



วันนี้เราจะพาแฟนๆมาดูกันค่ะว่าพนักงานเซเว่น เขามีวิธีย้ำเตือนตัวเอง และให้กำลังใจตัวเองกันอย่างไร เรื่องราวนี้ถูกถ่ายทอดโดยผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งชื่อว่า @pewitits ได้โพสต์ถึงเรื่องราวนี้ว่า
“วันนี้ปวดท้องมากเลยถามพนง.เซเว่นว่าแถวนี้มีห้องน้ำมั้ย พี่แกก็ใจดี บอกเข้าหลังร้านก็ได้ และนี่คือสิ่งที่เจอ คือรู้เลยว่าพวกพี่เค้านี่แบบ ต้องอดทนกะลูกค้ามากแค่ไหน ทั้งคำพูดทั้งท่าทาง” ไปชมภาพเต็มๆกันเลยดีกว่าค่ะ



โพสต์ดังกล่าว


ดูชัดๆแบบเต็มๆตา




เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ กับเรื่องราวที่เราได้นำมาให้ดู ได้ชมกัน เป็นการสร้างกำลังใจได้ดีกันเลยทีเดียวใช่ไหมละค่ะ ต้องลองเอาไปทำดูบ้างแล้ว อิอิ

Cr:https://www.siamnews.com

Cr:http://khaosudee.blogspot.com/2018/01/7-11.html?m=1

ชาวลาวต่างประเทศเศร้าสลด เจ้าฟ้าชายโสริยะวงศ์สว่าง(พระโอรสองค์สุดท้ายในสมเด็จพระเจ้ามหา


ชีวิตศรีสว่างวัฒนา ) สิ้นพระชนม์





เจ้าฟ้าชายโสริยะวงศ์สว่างทรงเป็นพระโอรสองค์เล็กในสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนากับพระอัครมเหสีเจ้าหญิงคำผูย หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศลาวพระองค์ทรงลี้ภัยไปประทับยังกรุงปารีสโดยใช้ชีวิตแบบสามัญชน แต่พระองค์ก็ยังทรงได้รับความเคารพนับถือจากชาวลาวในต่างประเทศดังจะเห็นได้จากพิธีถวายพระราชบายศรีหลวงที่สมาคมฟ้างุ้มจัดขึ้นถวายทุกปี
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงดำรงตำแหน่งองค์ประธานพระญาติวงศ์ราชวงศ์ล้านช้างร่มขาวเจ้าฟ้าชายโสริยะวงศ์สว่างสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๑ ณ กรุงปารีส พระชนมายุ ๘๑ พรรษาอย่างที่หลายๆท่านทราบกันดีว่า พระมหากษัตริย์หรือที่คนลาวเรียกกันว่า “พระเจ้ามหาชีวิต” องค์สุดท้ายของลาวนั้นคือพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา และองค์ราชินีคู่พระบารมีคือ พระอัครมเหสีคำผูย ทั้งสองพระองค์มีพระราชโอรส-ธิดาร่วมกันทั้งสิ้น ๕ พระองค์ ได้แก่ -องค์มกุฎราชกุมารวงศ์สว่าง -เจ้าฟ้าชายศรีสว่าง -เจ้าฟ้าชายโสริยวงศ์สว่าง -เจ้าฟ้าหญิงฉวีวรรณสว่าง มังคละมณีวงศ์-เจ้าฟ้าหญิงดาราสว่าง ศรีสุภานุวงศ์



พ.ศ. ๒๕๑๘ ราชอาณาจักรลาวเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบราชาธิปไตย ไปสู่ระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ราชบัลลังก์ลาวถูกยกเลิก สมาชิกราชวงศ์ถูกถอดออกจากฐานันดร บรรดาประชาชน พ่อค้าชาวขาย นักการเมืองนับล้านคน อพยพหนีคอมมิวนิสต์ออกนอกประเทศ ทว่าพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่หลายพระองค์ยังคงประทับอยู่ในลาว รวมทั้งอดีตกษัตริย์ พระราชินี องค์มกุฎราชกุมาร พระราชโอรส เจ้าฟ้าชายพระอนุชาในพระมหากษัตริย์ พร้อมด้วยสมาชิกครอบครัว




หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีความพยายามจากฝ่ายราชอาณาจักรทูลเชิญอดีตสมาชิกราชวงศ์ให้เสด็จลี้ภัย รวมทั้งการต่อต้านรัฐบาลคอมมิวนิสต์ด้วยกำลังทางทหารอยู่หลายครั้งแต่ผลลัพธ์กลับเป็นลบ ย่างเข้าปีที่ ๒ แห่ง ”การปลดปล่อย” สมาชิกราชวงศ์ถูกเชิญตัวไปยังค่ายสัมนา เพื่อเรียนรู้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์ใหม่ตามนโยบายของรัฐบาล อดีตกษัตริย์ พระราชินี องค์มกุฎราชกุมาร เจ้าฟ้าชายศรี


สว่าง พระราชวงศ์ ราชนิกุล ที่ประทับในลาวเกือบ ๓๐ องค์ถูกเชิญตัวไปพร้อมๆกัน ขณะที่เจ้าฟ้าชายโสริยวงศ์สว่าง และพระชายา ซึ่งประทับอยู่ในนครเวียงจันทน์ ทรงไหวตัวหนีออกจากที่ประทับได้ทันท่วงที ก่อนที่จะเสด็จข้ามมาฝั่งไทย และขอลี้ภัยไปยังฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
เจ้าฟ้าชายโสริยวงศ์สว่าง ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์เล็กของกษัตริย์และราชินีลาวองค์สุดท้าย จึงเป็นพระราชโอรสองค์เดียว ที่สามารถเอาชีวิตรอดจากระบอบใหม่ได้ หลังการรวมตัวกันของอดีตนักการเมือง ข้าราชการ-ทหาร ประชาชนลาวโพ้นทะเล เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ได้ทูลเชิญ เจ้าฟ้าชายโสริยวงศ์ องค์ประธานสมาชิกพระราชวงศ์ รับราชภาระ “ผู้สำเร็จราชการ ต่างพระเนตร พระกรรณพระเจ้ามหาชีวิตแห่งราชอาณาจักรลาว”



ระหว่างลี้ภัยในฝรั่งเศส เจ้าฟ้าชายโสริยวงศ์สว่าง เปรียบดังองค์สมมุติกษัตริย์ของลาวพลัดถิ่น ทรงปฏิบัติราชกิจตลอดทั้งปี เพื่อบำรุงความเป็นลาวให้คงมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางศาสนา และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหล่อเลี้ยงลมหายใจของประเพณีโบราณลาว เช่น การเสด็จไปเป็นองค์ประธานร่วมกับเจ้าฟ้าชายสุริวงศ์สว่าง องค์รัชทายาทลาว ในพระราชพิธีบาศรีหลวง ที่ประชาชนลาวโพ้นทะเลพร้อมใจกันจัดถวาย บุญปีใหม่ บุญเข้า-ออกพรรษา ตลอดจนการปรากฏพระองค์ในที่ชุมนุมทหารผ่านศึก

ทรงเป็นบุคคลสำคัญของชาวลาว ทั้งในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามชิกราชวงศ์เพียงไปกี่องค์ที่มีช่วงชีวิตพาดผ่านประวัติศาสตร์โชกเลือดบนแผ่นดินลาว และในฐานะของศูนย์รวม “ความหวัง” ของลาวบ้านไกล เจ้าฟ้าชายโสริยวงศ์สว่าง ประสูติเมื่อวันที่๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ที่โฮงหัวลาด พระราชอาณาจักรหลวงพระบาง แคว้นลาว ประเทศอินโดจีน สิ้นพระชนม์แล้วด้วยพระโรคชรา เมื่อวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่นครปารีส ประเทศฝรั่งเศส สิริพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ๑๑ เดือน ๑๒ วัน




ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าชาวสยาม

Cr:https://www.siamvariety.com

Cr:http://khaosudee.blogspot.com/2018/01/blog-post_94.html?m=1

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2561 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เปิดเผยว่า ได้


สั่งการให้คณะกรรมการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำจากสามฝ่าย (ไตรภาคี)  เรียกประชุมบอร์ดชุดใหญ่ ซึ่งมีปลัดกระทรวงแรงงานฯเป็นประธาน เพื่อหารือและมีมติปรับค่าแรงขั้นต่ำ ภายใน 15 มกราคม นี้ ตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นของขวัญปีใหม่ ให้แก่ผู้ใช้แรงงาน โดยคาดว่าจะมีผลทันทีสิ้นเดือนนี้ ซึ่งจะขึ้นเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความเป็นอยู่ ค่าครองชีพ รวมทั้งเมื่อขึ้นแล้วผู้ประกอบการยังมีกำไร

ด้านนายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ไม่ได้มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำมา 3 ปีแล้ว ส่วนปีที่แล้วที่ปรับเป็น 310 บาท เป็นเพียงการปรับขึ้นแค่ 30 จังหวัด ดังนั้นจะมีการ นัดประชุมบอร์ดไตรภาคี


ชุดใหญ่ เพื่อมีมติไม่เกิน 15 มกราคม นี้ โดยคำนึงถึง ดัชนีผู้บริโภค อัตราความเจริญเติบโตในแต่ละจังหวัด และ ค่าครองชีพ ซึ่งจะเป็นการปรับทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มสัดส่วนแรงงานไทยให้มากขึ้น
ต้องดึงคนไทยเข้าสู่ตลาดแรงงานให้มากขึ้น ดังนั้นการปรับขึ้นค่าแรงเป็นปัจจัยหลัก รวมถึงจะกำหนดอัตราค่าแรงเป็นรายชั่วโมง ในลักษณะงานพิเศษ ที่สามารถจ้างผู้สูงอายุ คนพิการ และพนักงานทั่วไปหลังเลิกงานประจำ มาทำงานรายชั่วโมงได้อีก เปิดโอกาสคนไทยมีช่องทางหารายได้เพิ่ม ในส่วนค่าแรงขั้นต่ำเดิม 300 บาท ปรับมา 310 บาทในบางจังหวัด ซึ่งอัตราที่บอร์ดค่าจ้างไตรภาคี เคยพิจารณาปรับขึ้นระหว่าง 2-15 บาท ซี่งอาจขึ้นมากกว่า 15 บาท โดยในครั้งนี้บอร์ดค่าจ้าง จะมาทำอัตราใหม่ เพราะไม่ได้ขึ้นค่าแรง 300 บาท มาตั้งแต่ปี 2557 โดยจะปรับขึ้นทีเดียวทั่วประเทศ
Cr:https://www.siamnews.com/view-12241.html

Cr:http://generalthainews.blogspot.com/2018/01/blog-post_97.html?m=1

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2561 เจ้าหน้าที่กู้ภัยรับแจ้งเหตุจากจากนายสุวรรณโน อินทอง อายุ 42 ปี ให้มาจับงูเหลือมตัวใหญ่ที่หมู่ 2 บ้านเขาแก้ว ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่ขดตัวในโพรงหินข้างสวนยาง


หลังเดินเข้าสวนยางมาเจอหางงูโผล่ออกมา หางมีขนาดเท่าขาคน น่ากลัวอย่างมาก ตัวใหญ่และยาวจริง ๆ



กู้ภัยใช้กำลังคนดึง 4-5 คน ดึงเท่าไหร่ไม่ออกสักที ดึงเป็นชั่วโมง งูก็ไม่ออกมาเลย จนเจ้าหน้าที่หมดปัญญาดึงแล้ว แม้จะขุดดินหรือหินออกให้เป็นรูกว้างแต่ไม่สามารถดึงงูออกมาได้เลย เจ้าหน้าที่ท้อแท้มากดึงไม่ออกเลย ทำไมดึงที่อื่นออกแปปเดียว


ในที่สุดเจ้าหน้าที่จึงนำธูปมา 9 ดอก ทำพิธีขอขมาพร้อมยกมือไหว้ และกล่าวว่าหากเป็นงูเจ้าที่จริง ๆ ต้องกราบขออภัยด้วยเพราะชาวบ้านที่มากรีดยางเขากลัวมาก ขอให้มอบตัวแต่โดยดี และจะนำตัวไปอยู่ที่อื่นแทน ที่ไม่ใช่สวนยางพาราของชาวบ้านกลัวไม่กล้ามาประกอบอาชีพ ไม่ถึงนาที ลองดึงงูออกมาเท่านั้น ดึงออกง่ายมาก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นงูเจ้าที่จริงๆ ทำให้คนแถวนั้นถึงกับขนลุกกับสิ่งที่ได้เห็น ทั้งน่ากลัวและตกใจมาก




วัดความยาวงูยาว 4 เมตร ใหญ่ยาว ไม่ร้องฟู้ฟู้ สงบนิ่งมาก จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวงูไปปล่อยป่าต่อไป

มีภาพ





Cr:https://www.siamnews.com/view-12240.html

Cr:http://generalthainews.blogspot.com/2018/01/blog-post_74.html?m=1

เมื่อวันที่ 4 ม.ค.61 นายบรรจง คุ้มประยูร หัวหน้าศูนย์กู้ภัยอ่าวลึกวิลล่า อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ที่บ้านควนหมาหอบ ม.5 ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก ว่า มีชาวบ้านพบงูขนาดใหญ่เลื้อยอยู่ในสวนปาล์มน้ำมัน ข้างที่พักคนงาน




โดยชาวบ้านอยู่ในละแวกดังกล่าวจำนวนนับสิบคน ได้ชี้จุดที่งูเข้าไปหลบอยู่ภายใต้กองทางปาล์ม จึงได้ใช้ไม้เขี่ย และพบงูนอนขดตัวอยู่ ใช้อุปกรณ์จับงูคล้องออกมาได้พบว่าเป็นงูจงอางขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 4 เมตร จากนั้นจึงนำใส่กระสอบปุ๋ย เพื่อนำไปปล่อยในป่าต่อไป


ทั้งนี้ ช่วงพบงูนั้นชาวบ้านตกใจอย่างมาก เพราะงูมีขนาดใหญ่ มีชาวบ้านรายหนึ่งได้นำปืนขนาด .22 หรือ ปืนลูกกรด มายิงงู แต่ยิงไม่เข้า มีแค่รอยถลอกที่หัวเท่านั้น ทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้ เลยแจ้งทางกู้ภัย


มาจับดังกล่าว ซึ่งโชคดีที่งูไม่ทำร้ายใคร และงูไม่ตายจากการยิง หลังจากนี้จะนำงูไปปล่อยในป่าลึกต่อไป



สำหรับงูจงอาง หรืองูบองหลา นั้นจะพบว่ามีขนาดใหญ่กว่างูทั่วไป เป็นงูมีพิษร้ายแรง และชาวภาคใต้เชื่อกันว่า เป็นงูเจ้าที่ มีหลายพื้นที่ชาวบ้านได้สร้างศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่งูจงอางไว้ตามริมห้วยและริมเชิงเขา ซึ่งมักเป็นที่อยู่ของงูชนิดนี้.
Cr:https://www.siamnews.com/view-12226.html

Cr:http://generalthainews.blogspot.com/2018/01/blog-post_19.html?m=1

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 61 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้ง เกิดอุบัติเหตุบนถนน มีรถมอเตอร์ไซค์ล้มคว่ำ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย


ที่บริเวณ ถนนเลียบคลองสอง ม.14 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงได้แจ้งไปยังหน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่แพทย์ เข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยด่วน



พอไปถึงได้พบกับร่างของเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่ชื่อว่า นายธีรพงษ์ ศรีบุญธรรม นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้นถนน หลังจากที่ขับรถ จยย. เสียหลักล้มคว่ำ จนทำให้เสียชีิวิตในที่เกิดเหตุทันที ซึ่งจากการสอบถามทางญาิตผู้เสียชีวิต ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้ นายธีรพงษ์ เพิ่งจะขับรถจยย. ออกไปส่งน้องสาวเข้าโรงเรียนในตอนเช้า ตามปกติทุกวัน แต่ระหว่างขากลับคงจะเกิดเหตุวิ่งเสียหลักล้มคว่ำจนทำให้เสียชีวิต


ด้านแม่ของผู้เสียชีวิต ได้ทราบข่าวแทบช็อครับไม่ได้ เมื่อรู้ว่าลูกชายต้องมาตายไปก่อนวัยอันควร ตัดสินใจโทรศัพท์ไปบอกน้องสาวของ ลูกที่เพิ่งจะไปส่งที่โรงเรียน พอลูกสาวรับสาย ก็บอกไปว่า “หนูทำใจดีๆ นะลูก พี่ตายแล้วนะลูก พี่เขารถล้มลูก” ซึ่งทางด้านของน้องสาวก็แทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน นิ่งพูดไม่ออก และรีบออกจากโรงเรียน เดินทางมาที่เกิดเหตุ เพื่อหาแม่ทันที ท่ามกลางความโศกเศร้าที่ได้เห็น พี่ที่เพิ่งจะไปส่งในตอนเช้า จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา



Cr:https://www.siamvariety.com/view-24929.html

Cr:http://generalthainews.blogspot.com/2018/01/blog-post_65.html?m=1

บอกเลยว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญอย่างมาก สำหรับนางสาวนิตยา สวัสดิวรรณ อายุ 18 ปี ชาวจ.ระนอง จ้างหนุ่มวินมอเตอร์ไซค์ส่งที่สะพานพระราม8 แล้ววานให้หนุ่มวินไซค์นั้นไลฟ์สดให้ด้วย


ก่อนจะตัดสินใจดิ่งลงสะพานพระรามแปดต่อหน้าต่อตาหนุ่มวินไป ล่าสุดพบศพนางสาวนิตยาแล้ว สภาพลอยคว่ำหน้า สวมเสื้อดำ กางเกงยีนส์ขาสั้น และผมทอง ขึ้นอืด หลายคนเห็นน่าเวทนาใจอย่างมาก ไม่น่าคิดสั้นเลย



จากกรณี น.ส.นิตยา สวัสดิวรรณ อายุ 18 ปี ชาวจ.ระนอง ได้ว่าจ้างนายภัทรดนัย นุ่มศรีนารถ ขี่รถจยย.ให้มาส่งที่สะพานพระราม8 จากนั้นได้วานให้ช่วยใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ส่วนตัวก่อนจะพลัดตกจากสะพานพระราม8ลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาและยังไม่ทราบชะตากรรม เหตุเกิดเมื่อเวลา 02.00 น.ของเช้ามืดวันที่ 2 ม.ค.61


เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 4 ม.ค. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ภาคภูมิ ศรีลาภะมาศ ผกก.4 บก.รน. เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ประดาน้ำอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เข้าร่วมประชุมเตรียมความพร้อม เพื่อลงค้นหาร่างของน.ส.นิตยา ภายในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยรองผบช.น.กล่าวว่าตอนนี้ยังไม่พบร่างของน้อง จึงยังไม่ทราบว่ามีชีวิตอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตามวันนี้ต้องค้นหาร่างของน้องให้เจอ แม้ว่าจะใช้เวลาทั้งคืนก็ตาม ในส่วนของนายภัทรดนัย นุ่มศรีนารถ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด เนื่องจากขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเวลากลางคืน ทำให้ต้องใช้เวลาในการหาหลักฐานพอสมควร ซึ่งเวลานี้พนักงานสอบสวนมีการสอบพยานไปแล้ว 2 ปาก พร้อมได้ฝากถึงผู้เห็นเหตุการณ์ให้เข้าข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ด้วย




ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมความพร้อมอยู่นั้น มีเรือขนส่งชื่อ รุ่งเรืองทวีทรัพย์มาจอดเทียบท่าก่อนที่ลูกเรือจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบศพลอยน้ำอยู่บริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างท่าเรือพระอาทิตย์และท่าพระสุเมรุ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบศพหญิง ลอยคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขาสั้น เจ้าหน้าที่จึงนำร่างเข้าฝั่งเพื่อตรวจสอบ

รองผบช.น.กล่าวยืนยันว่าร่างดังกล่าวเป็นนางสาวนิตยา หลังจากนี้ จะส่งไปชันสูตรพลิกศพ เพื่อยืนยันตัวตน อีกครั้งที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล



Cr:https://www.siamvariety.com/view-24922.html

Cr:http://generalthainews.blogspot.com/2018/01/18.html?m=1