thai news online
แม่ร่ำไห้แทบขาดใจ! ลูกชายเข้าไปนอนบ้านยาย เลยเอาผ้าห่มไปให้กลัวจะหนาว พอเช้ามาถึงกับเข่าทรุด สายไปแล้ว!
December 14, 2017

14 ธ.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30น.ร.ต.อ.ยงยุทธทูลธรรม รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งจากนายอดิศักดิ์ โพนชัยยา ผู้ใหญ่บ้านนาราชควาย หมู่ 11ว่ามีนักศึกษาผูกคอเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 100หมู่ 11บ้านนาราชควาย ต.นาราชควาย จึงรุดไปตรวจสอบชันสูตรพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.นครพนม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และกู้ชีพ อบต.นาราชควาย
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวครึ่งปูนครึ่งไม้ติดกับรั้วที่ทำการ อบต.นาราชควายริมถนนทางหลวงชนบทสายนาราชควาย-นาคูหลังบ้านข้างห้องน้ำ พบศพผู้ตายเป็นชายชื่อนายอรรคพล พายุ อายุ 21ปี นักศึกษาชั้น ปวส.2แผนกก่อสร้าง วิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่งเยื้องกับห้างสรรพสินค้าโลตัสสภาพศพถอดเสื้อ สวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ใบหน้าเขียวคล้ำลิ้นจุกปากบนหน้าอกพบรอยจ้ำแดงและรอยขีดข่วนหลายแห่ง เหมือนทะเลาะวิวาทกันมาก่อนเกิดเหตุสลดโดยใช้เชือกไนล่อนสีแดงยาว 2เมตร ผูกคอกับขื่อใกล้กันมีเก้าอี้พลาสติกสีแดง และที่ตู้เชื่อมเหล็กมีสายไฟระโยงระยางกับพื้น คาดว่าเป็นอุปกรณ์ปลิดชีวิตของผู้ตายชาวบ้านจึงช่วยกันปลดเชือกนำร่างลงมากับพื้น ก่อนที่แพทย์จะนำไปชันสูตรที่ ร.พ.นครพนม
สอบสวนนางบุญมาศ แก้วบุตรตา อายุ 48 ปี มารดาผู้ตายร่ำไห้กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายอรรคพล ซึ่ง
เป็นลูกชายคนสุดท้อง หลังพักการเรียนไว้ระยะหนึ่ง ได้ไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารเพื่อชีวิต เที่ยงคืนจึงเลิกงานกลับบ้านโดยลูกชายจะไปนอนที่บ้านผู้เป็นยายหลังที่เกิดเหตุก่อนเกิดเหตุลูกชายพร้อมเพื่อน 4-5คนได้มาชักชวนไปเที่ยวดื่มกินในตัวเมืองตนจึงได้ต่อว่าและห้ามปรามและไล่เพื่อนเหล่านั้นกลับ หลังพวกเพื่อนๆกลับไปได้แค่ 5นาทีบุตรชายจึงต่อว่า แม่ทำไมไล่เพื่อนผมกลับไปหมด จากนั้นก็เข้าไปนอนบ้านยาย ตนจึงนำผ้าห่มให้เกรงจะหนาว กระทั่งรุ่งเช้าหลานไปพบศพห้อยอยู่ข้างห้องน้ำ จึงวิ่งหน้าตาตื่นมาปลุกแล้วแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบและให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
นางบุญมาศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังทำใจไม่ได้ที่ลูกชายเกิดความน้อยใจ ที่แม่ต่อว่าห้ามปราบไม่ให้ไปกับกลุ่มเพื่อนเพราะเห็นเวลาดึกมากแล้ว หลังเจ้าหน้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นจึงนำร่างส่งไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่ห้องดับจิต รพ.นครพนม เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
Cr:https://www.siamnews.com/view-11143.html
Cr:http://generalthainews.blogspot.com/2017/12/blog-post_66.html?m=1
0 comments